สภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้างเอื้อให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อย

06

งานก่อสร้างนับว่าเป็นประเภทกิจการที่มีอัตราการประสบอันตรายสูงอย่างต่อเนื่อง อาจเนื่องจากลักษณะเฉพาะของกิจการประเภทนี้ คือ เป็นการปฏิบัติในที่โล่งแจ้ง ต้องสัมผัสความร้อนและฝุ่นละอองได้ง่าย และต้องมีการเร่งงานเพื่อให้ทันสัญญาจ้าง มีการใช้งานคนงานไร้ฝีมือเป็นจำนวนมาก มีการเข้า-ออกของคนงานสูง ประกอบกับสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของงานก่อสร้าง รวมทั้งการอบรมให้ความรู้แก่คนงานในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานยังไม่ทั่วถึง จึงทำให้งานก่อสร้างเป็นสภาพงานที่เอื้อให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในงานก่อสร้าง ได้แก่ เกิดจากการปฏิบัติงานของคนงานก่อสร้าง การแต่งกายไม่รัดกุม สวมใส่รองเท้าแตะ ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่สวมใส่เข็มขัดนิรภัยขณะทำงานที่สูง หรือมีการหยอกล้อกันในขณะปฏิบัติงาน อุบัติเหตุที่เกิดในงานก่อสร้างลักษณะของอุบัติเหตุจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของงานก่อสร้าง เช่น งานก่อสร้างถนน ลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุมักจะเกี่ยวข้องกับการใช้เครื่องจักร งานก่อสร้างอาคารสูง การทำงานในที่สูง ลักษณะของอุบัติเหตุ มักเกิดจากการพลักตกจากที่สูง เช่น ตกจากนั่งร้าน ,บันได หรือวัตถุหล่นใส่

การทำงานโครงสร้างชั่วคราวลักษณะของอุบัติเหตุมักเกิดจากการพังทลายของโครงสร้างชั่วคราว เช่น นั่งร้าน กำแพงกันดิน เป็นต้นการใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ ลักษณะของอุบัติเหตุ จะเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรกลล้มหรือพังทลายการใช้เครื่องมือและเครื่องกล ลักษณะของอุบัติเหตุ จะเกิดจากเครื่องมือที่ชำรุดหรือใช้งานไม่ถูกวิธีการใช้ไฟฟ้าชั่วคราว อุบัติเหตุมักเกิดจากการถูกไฟฟ้าช็อต สายไฟชำรุด ไม่มีการระบบการตัดวงจรไฟฟ้าการขนส่งและลำเลียงวัสดุและอุปกรณ์ อุบัติเหตุเกิดจากการเคลื่อนย้ายวัสดุ เช่น อิฐ หิน ไม้ ตกลงมาจากที่สูง การเก็บและวางสิ่งของ ลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุ คือการสะดุดล้ม เหยียบตะปู เป็นต้นการดูแลรักษาความสะอาด ลักษณะอุบัติเหตุมักเกิดจากคราบน้ำมัน,น้ำขัง ทำให้ลื่นล้มการทำงานในที่อับอากาศ เกิดจากการขาดอากาศหรือมีแก๊สพิษ เกิดการระเบิด เป็นต้น อุบัติเหตุที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมในการทำงาน คนงานก่อสร้างต้องพบกับสภาพเแวดล้อมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เสียงดัง แสงจ้าหรือแสงน้อยจนเกินไป ความสั่นสะเทือน ฝุ่น ควัน กลิ่น เสียงที่ดังมากเกินไป

อันตรายที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างในปัจจุบันที่เราควรระมัดระวัง

6

อันตรายที่เกิดขึ้นในการก่อสร้าง หมายถึง อันตรายที่เกิดขึ้นในการก่อสร้างที่เป็นอาคารใหม่ และมาจากการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือซ่อมแซมอาคารสถานที่เดิม เช่น งานทาสี งานตกแต่งภายใน หรืองานรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทั้งนี้ผู้ทำการก่อสร้าง ผู้รับเหมาช่วง หรือตัวแทนเจ้าของโครงการ และวิศวกรที่ปรึกษาจะต้องตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และมุ่งเน้นให้มีการป้องกันอันตรายตลอดจนเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่คนงาน และผู้ปฏิบัติการงานภาคสนามที่อยู่ในสภาพแวดล้อมซึ่งไม่ถูกสุขลักษณะและเสี่ยงอันตราย ให้มีสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยในชีวิตของผู้ปฏิบัติงานหรือผู้เกี่ยวข้อง แทนที่จะตามแก้ไขปัญหาเมื่ออุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นแล้ว เพราะผลกระทบและความเสียหายที่ตามมาจะมีมาก

ผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ และการรักษาความปลอดภัยในงานก่อสร้าง ดังนี้ ต้องกำหนดให้ผู้ทำการก่อสร้างเตรียมมาตรการป้องกันความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างและรักษาระเบียบปฏิบัติต่างๆเรื่องความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องต้องกำหนดให้มีการตรวจสอบสภาพหน้างานตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องจักรต่างๆที่ใช้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา อีกทั้งจะต้องมอบหมายให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านความปลอดภัยในงานก่อสร้างเป็นผู้รับผิดชอบควบคุม ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานกำหนดตลอดระยะเวลาการก่อสร้างต้องจัดสรรเครื่องจักรกล เครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์ต่างๆ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับการใช้งาน ตามประเภทและลักษณะงานนั้นๆ ต้องฝึกอบรมช่างผู้ปฏิบัติงานให้สามารถใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างถูกวิธี

การปฏิบัติงานที่ไม่ปลอดภัย เป็นอันตรายที่เกิดจากการปฏิบัติงานของคนงานก่อสร้างอย่างไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะสาเหตุนี้ ซึ่งผู้มีส่วนร่วมรับผิดชอบคือ หัวหน้างานและตัวคนงานเอง เช่น การใช้เครื่องมือ เครื่องจักรทำงานโดยพลการ หรือไม่ได้รับมอบหมาย ไม่เข้าใจวิธีใช้งานเครื่องมือเครื่องจักรอย่างถูกต้อง ไม่สนใจคำเตือนต่างๆ ประมาทเลินเล่อ เล่นหรือหยอกล้อกันขณะปฏิบัติงาน เป็นต้น สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่ เงื่อนไขต่างๆนอกจากตัวบุคคลที่อาจ ทำให้เกิดอันตรายในการทำงาน ซึ่งสามารถแยกย่อยออกไปได้อีก 2 กรณี อุบัติเหตุที่เกิดจากลักษณะของงานก่อสร้างแต่ละประเภท เช่น อาคารขนาดเล็กอาจมีปัญหาเรื่องการพลัดตกจากที่สูง นั่งร้านพัง วัสดุตกใส่คนงาน อาคารขนาดใหญ่อาจมีปัญหาดินถล่มขณะทำการก่อสร้างชั้นใต้ดิน นั่งร้านหรือค้ำยันพัง อาคารที่ก่อสร้างด้วยระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ใช้ปั้นจั่นยก อาจมีอันตรายจากการประกอบชิ้นส่วนเป็นต้นว่า ปั้นจั่นเหวี่ยงถูกคนหรือสิ่งก่อสร้าง ลวดสลิงขาด หรือใช้ลวดสลิงไม่ถูกวิธี

การก่อสร้างทั้งในปัจจุบันและอดีตเพื่อการพัฒนาต่อไป

6

การก่อสร้างทั้งในปัจจุบันและในอดีตต่างต้องมีการประสานงานกันระหว่างฝ่ายก่อสร้าง, ผู้ออกแบบ, เจ้าของโครงการ, เอกสารที่เข้า-ออก จากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่าย ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ปัญหาเรื่องการจัดการเอกสารและการค้นหาเอกสารย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ในขณะเดียวกันถ้าเอกสารที่ส่งผ่านมาเป็นเพียงกระดาษซึ่งง่ายต่อการจัดการ แต่ในงานก่อสร้างเอกสารไม่เป็นเพียงแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่เราต้องจัดการทั้งเอกสารที่เป็นวัสดุก่อสร้างตัวอย่าง, แบบก่อสร้าง, CATALOG, E-MAIL, คำถาม, MEMO และอื่นๆ อีกมากมาย อีกด้านหนึ่ง นอกจากปริมาณเอกสารและชนิดของเอกสารแล้ว ระยะทางระหว่างฝ่ายปฏิบัติงาน และสำนักงานต่างๆ ยังเป็นอุปสรรคในการส่งผ่านข้อมูลของโครงการก่อสร้างปัญหาดังกล่าวข้างต้น บริษัท กรีน บิลด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้นำระบบการเก็บและส่งผ่านข้อมูลโดยใช้ระบบ CLOUD มาใช้ในการจัดเก็บและบริหารข้อมูล ซึ่งระบบนี้อนุญาตให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการสามารถใช้งานผ่านทางระบบ Internet รวมถึงยังสามารถดูประวัติการใช้งานของเอกสารแต่ละชิ้นได้ การจัดเก็บและค้นหาข้อมูลสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและไร้รอยต่อใน SITE งานที่อยู่ต่างที่ออกไปหรือแม้แต่ในต่างประเทศยังสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลเดียวกันได้อีกด้วย

ส่วนสำคัญของงานก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นงานด้านสถาปัตยกรรม, วิศวกรรม, ระบบการจัดการภายในอาคาร BIM สามารถวิเคราะห์ถึงรายละเอียดโครงสร้างภายในได้ตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างไปจนถึงสิ้นสุดการก่อสร้าง ในปัจจุบันงานก่อสร้างมีการพัฒนาก้าวหน้าไปตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยและวัสดุอุปกรณ์ที่นับวันจะก้าวไปเร็วเกินกว่าที่เราจะตามทัน การออกแบบอาคารมีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์ในการใช้สอยที่สูงขึ้นและมีประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้ขั้นตอนการก่อสร้างที่ซับซ้อนอยู่แล้วนั้นยากลำบากมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความล่าช้าและการสูญเสียทรัพยากรอย่างไม่จำเป็น ด้วยเหตุนี้บริษัท กรีน บิลด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จึงนำระบบ BIM เข้ามา Support ในทุกขั้นตอนการก่อสร้างตั้งแต่การวางผัง SITE งาน, ฐานราก, เรื่อยมาจนถึงรายละเอียดในทุกๆ จุดของตัวอาคาร ความสามารถของระบบ BIM ยังช่วยให้เราเข้าใจการออกแบบของผู้ออกแบบ ว่าทางผู้ออกแบบและเจ้าของโครงการต้องการอะไร และสามารถช่วยในการตัดสินใจเลือกใช้ระบบโครงสร้างที่เหมาะสมกับโครงการและสอดคล้องกับ CONCEPT ในการออกแบบของผู้ออกแบบ กรรมวิธีในการติดตั้งวัสดุ การนำมาประกอบกันของทุกส่วนในอาคารนอกจากนี้การสร้าง MODEL 3D ที่มีข้อมูลต่างๆ อยู่ใน MODEL ยังช่วยให้เราสามารถถอดปริมาณงานก่อสร้างตลอดจนติดตามการเปลี่ยนแปลงของราคาค่าก่อสร้าง เนื่องจากเราสามารถหาปริมาณวัสดุได้จาก MODEL โดยตรง ปัจจุบันบริษัทรับเหมาก่อสร้างในสหรัฐอเมริกา และยุโรปกว่า 50% ของทั้งหมดเลือกใช้ระบบ BIM เข้ามาช่วยในงานก่อสร้าง เนื่องจากสามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นระหว่างงานก่อสร้างได้อย่างแม่นยำ

สถานการณ์ตลาดบริการรับสร้างบ้าน

ปัจจุบันการแสวงหาที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวของผู้บริโภค แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ๆ ได้แก่การสร้างบ้านบนที่ดินตนเองและการสร้างบ้านโดยผู้ประกอบการจัดสรร ซึ่งในส่วนของการสร้างบ้านบนดินของตนเองจะแบ่งออกได้เป็น การสร้างบ้านโดยบริษัทรับสร้างบ้าน การสร้างบ้านโดยบริษัทรับเหมาก่อสร้างและการสร้างโดยผู้รับเหมาอิสระ การสร้างบ้านบนที่ดินตนเองนั้นเป็นทางเลือกหนึ่งโดยเฉพาะผู้ที่มีที่ดินอยู่เอง ซึ่งในอดีตเมื่อยังไม่มีธุรกิจจัดสรรนั้นการสร้างบ้านทั้งหมดจะเป็นไปในลักษณะของการสร้างบ้านเองหรืออาจจะมีการจ้างผู้รับเหมา หลังจากที่มีธุรกิจจัดสรรเกิดขึ้นส่วนหนึ่งของการสร้างบ้านก็จะเลือกซื้อบ้านจัดสรรซึ่งสร้างโดยผู้ประกอบการจัดสรร

ในส่วนของการขยายตัวของที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวนั้นมีการขยายตัวและชะลอตัวเล็กน้อยในแต่ละปีซึ่งจะไม่รุนแรงเหมือนกับที่อยู่อาศัยแบบบ้านเดี่ยวประเภทจัดสรร และการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองนั้นมีปริมาณที่ค่อยๆลดลงเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน สำหรับสถานการณ์ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบที่เกิดจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น ซึ่งมีปัจจัยหลัก คือ การปรับค่าแรงขั้นต่ำและการปรับตัวสูงขึ้นของค่าวัสดุก่อสร้างซึ่งส่งผลให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น

ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านในการสร้างบ้านบนที่ดินตนเองนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความสำเร็จด้านยอดขายให้กับผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าไม่ได้ให้ความสำคัญที่ราคาถูกเป็นหลักแต่จะ ให้ความสำคัญกับคุณภาพของงานก่อสร้างและความน่าเชื่อถือ ดังนั้นบริษัทรับสร้างบ้านจึงควรจะให้ความสำคัญกับการทำงานและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัท

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจรับสร้างบ้านอาจจะมีการขยายตัวไม่มากนักเพราะความต้องการของผู้บริโภคหรือตลาดอยู่ในภาวะอิ่มตัว ซึ่งไม่เฉพาะบ้านสร้างเอง แต่รวมถึงบ้านเดี่ยวโครงการบ้านจัดสรรก็ชะลอตัวตามด้วย เหตุผลสำคัญเป็นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมานิยมเลือกที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมากขึ้น โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากที่ดินมีราคาแพงและการจราจรที่ติดขัดมาก ดังนั้นในส่วนของผู้ประกอบการที่เน้นทำตลาดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เพราะมีผู้ประกอบการแข่งขันกันอยู่มากรายและรุนแรง ดังนั้นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ที่จะมีความได้เปรียบ สำหรับรายเล็กๆ อาจต้องเลือกเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

แนวโน้มตลาดบริการก่อสร้างรับสร้างบ้านปี 2557มีโอกาสและเป็นขาขึ้น

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมก่อสร้างมีความคึกคักมาก ทั้งการก่อสร้างในส่วนของโครงการภาครัฐ ที่มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล การก่อสร้าง และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอื่น อาทิ การขยายโครงข่ายถนนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และและการปรับปรุงโครงสร้างทางรถไฟโดยเปลี่ยนมาใช้รางที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและใช้หมอนคอนกรีตแทนหมอนไม้

ส่วนการก่อสร้างของภาคเอกชน ก็มีการเติบโตออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ เนื่องจากกิจกรรมเศรษฐกิจของภาคเอกชนขยายตัวไปในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีการเติบโตของการค้าและการลงทุน เช่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และเชียงราย เป็นต้น แม้ว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้างจะหนุนให้กลุ่มผู้รับเหมาปรับตัวดีขึ้น แต่ก็กลับสร้างแรงกดดันและนำมาซึ่งอุปสรรคให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น การเติบโตของโครงการก่อสร้างหลายโครงการในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มีผลกระตุ้นให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ เนื่องจากอุปสงค์สินค้าวัสดุก่อสร้างขยายตัว นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนกำลังแรงงานเพิ่มขึ้น

สำหรับทิศทางตลาดก่อสร้างบ้านปี 2557 ยังเป็นโอกาสและถือเป็นช่วงขาขึ้น สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่เน้นบุกตลาดในภูมิภาคหรือต่างจังหวัดเป็นหลัก เนื่องเพราะความนิยมของผู้บริโภคที่หันมาเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น กอปรกับปัญหาขาดแคลนแรงงานและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยๆ ประสบปัญหา และไม่อาจรับงานสร้างบ้านได้โดยตรงกับผู้บริโภค นอกจากนี้ ทิศทางการขยายตัวของการลงทุน ทั้งของกลุ่มทุนขนาดใหญ่และขนาดกลางออกไปในภูมิภาค ส่งผลให้มีการโยกย้ายถิ่นอาศัยของคนในเมืองหลวงออกไปสู่ภูมิภาค และคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง ก็มีการย้ายกลับภูมิลำเนาเดิมเพราะมีการจ้างงานและได้ค่าจ้างไม่ต่างกัน ทำให้ความต้องการบ้านหรือที่อยู่อาศัยเพิ่มตามมา ทั้งบ้านหลักแรกของคนทำงานรุ่นใหม่ และบ้านหลังที่สองของนักธุรกิจที่ขยับขยายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดทุกภูมิภาค

แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะยังเป็นปัจจัยหรือตัวแปรสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านที่อาจชะลอตัวลง รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศที่ชะลอตัว อันเนื่องจากภาคการส่งออกและภาคการผลิตที่ปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านที่มีการปรับตัวมาก่อนหน้านี้หลายๆ ด้าน และผู้ประกอบการกลุ่มวัสดุที่แตกไลน์มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านรายใหม่ๆ พร้อมร่วมกันเปลี่ยนตลาดรับสร้างบ้านจากเดิมมุ่งทำตลาดอยู่เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปสู่การขยายตลาดออกไปได้ทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณและมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านสร้างบ้านขยายตัวได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมๆ กับมีการนำระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปจากโรงงานผลิต หรือนำระบบการก่อสร้างระบบแห้งมาใช้มากขึ้น ซึ่งอาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่าการใช้แรงงานแบบเดิมๆ แต่สามารถผลิตหรือสร้างบ้านได้จำนวนหน่วยมากขึ้น ที่สำคัญสามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการสร้างบ้านให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคได้เป็นที่พอใจ ทั้งหมดเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าตลาดรับสร้างบ้านในปี 2557 จะยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีที่แล้ว

ทิศทางรับเหมาก่อสร้าง 2557 แนวโน้มตลาดที่สูงขึ้น

แม้ว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาคึกคักอีกครั้งส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ แต่สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างแล้วยังไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะนอกจากจะต้องหาวิธีรับมือการปรับค่าแรง 300 ทั่วประเทศในวันปีใหม่นี้แล้ว ยังต้องเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มว่าตลาดรับ เหมาก่อสร้างจะยิ่งมีการแข่งขันสูงมากขึ้น ทั้งจากผู้รับเหมารายใหญ่และผู้รับเหมารายย่อยทั่วประเทศ

การขยายตัวของโครงการคมนาคมและการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ในปัจจุบันอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยมีการพัฒนาขีดความสามารถในด้านงาน รับเหมาก่อสร้างมากขึ้น โดยเฉพาะผู้รับเหมารายใหญ่ที่แทบจะกลืนกินผู้รับเหมารายย่อยจากความได้ เปรียบทางด้านชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ สภาพคล่องและอัตราการต่อรองที่มีมากกว่า ทำให้ผู้รับเหมารายย่อยถูกจำกัดตลาดให้แคบลง โดยในช่วงครึ่งปีแรกจากจำนวนงานก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยทั้งหมด มีผู้รับเหมารายใหญ่ที่ได้งานไปมากกว่า 50%

“สถานการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มว่าจะกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นต้นไป ทั้งในส่วนงานรับเหมาช่วงและงานรับเหมาฐานราก ซึ่งแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะซบเซาจากการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างที่อยู่ อาศัยที่ยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตน้ำท่วม ทำให้ปริมาณงานสะสมของผู้รับเหมาลดน้อยลงในขณะที่งานใหม่ก็ยังคงชะลอตัว แต่เราคาดว่าปริมาณงานจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์ในไตรมาสแรกของปี 2556 นี้ และเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2556 เป็นต้นไป หลังจากที่ผู้รับเหมาปรับตัวกับปัญหาค่าแรงได้แล้ว

ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ๆมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ประกอบการอสังหาฯในตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้งานก่อสร้างตกเป็นของผู้รับเหมารายใหญ่แทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่งานรับเหมาฐานราก ทำให้การแข่งในตลาดมีอัตราที่สูงขึ้นจากการแย่งงานกัน และเกิดการตัดราคากันอย่างรุนแรงระหว่างผู้รับเหมาด้วยกันเอง จนส่งผลต่ออัตราความเสี่ยงที่ผู้รับเหมาต้องแบกรับภาระเอาไว้เอง และเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาทิ้งงานและปัญหาด้านคุณภาพมาตรฐานงานก่อสร้าง ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ไม่เพียงแต่ผู้รับเหมารายย่อยเท่านั้นที่ต้องมีการปรับตัวให้เข้า กับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอดในตลาดอสังหาฯและอุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่ในอนาคตหากมีการเปิดเสรีประชาคมอาเซียน(AEC) จะเป็นโอกาสของผู้รับเหมาจากต่างประเทศที่จะเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมก่อสร้างบ้านเราด้วย

ดังนั้นผู้รับเหมาไทยไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ต่างก็ต้องเร่งปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดสากลมากขึ้น …เพราะในอนาคตตลาดที่รออยู่ไม่ใช่เพียงแค่ AEC เท่านั้น แต่จะเป็นตลาด Global ที่เปิดกว้างรอ…สำหรับผู้ที่เตรียมพร้อมและพัฒนาอยู่เสมอ!